“นายกฯ” ขอให้เชื่อมั่นทหารไทย รับมือได้ หาก “กัมพูชา” ผิดข้อตกลง ขนอาวุธกลับชายแดน
จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ทหารกัมพูชาขัดขวางไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ในการนำคณะ AOT ลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดที่บริเวณชายแดน ช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์นั้น
ล่าสุด (3 พ.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า อย่าไปใช้คำว่า “ขัดขวาง” เพราะมีการประชุมกันตลอด และ จากสอบถามกับพลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เมื่อเช้านี้ ได้ทราบว่า ยังดำเนินการอยู่ เรื่องของการถอนกำลัง ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดก็จะหารือกันต่อไป แม้ยังไม่ราบรื่น แต่เป้าหมายต้องชัด ไม่ใช่ขัดขวางแล้วไทยยอม ย้ำไทยไม่ยอม
การนำไปสู่สันติภาพและสันติสุข ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 4 ข้อ ทั้งการถอนอาวุธหนัก เก็บกู็ทุ่นระเบิด ปราบปรามสแกมเมอร์ และการบริหารจัดการพื้นที่ทับซ้อน ต้องได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี รวมถึงฝ่ายทหารต้องได้รับการปฏิบัติอย่างดี เช่น การปักปันเขตแดน การจะหารือประเด็นอื่นต่อไป
ส่วนกระแสข่าวทหารกัมพูชา นำอาวุธหนักกลับมาติดตั้งตามแนวชายแดนนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ได้รับรายงาน คือการต่างถอนอาวุธหนักออกไป นักข่าวไปเอาข่าวมาจากไหน ว่านำอาวุธหนักมาติดตั้ง เพราะข้อเท็จจริงนั้นไม่มี พร้อมย้ำว่า ข้อตกลงร่วมกันคือต่างคนต่างถอย ถ้าเข้ามาคือการฉีกข้อตกลง ไทยไม่ต้องทำอะไร ถือว่าไม่มีข้อตกลง และ ทำตามสิ่งที่เห็นว่าเหมาะสมต่อไป
สำหรับการลงไปในพื้นที่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ามีความจำเป็น หรือเมื่อถึงจุดที่ต้องไป ก็เพื่อดูว่าทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลงหรือไม่
กรณีสังคมห่วงว่า ไทยถอนอาวุธหนักกลับมาที่ จ.ลพบุรี แล้ว จะสามารถนำกลับไปที่ชายแดนทันหรือไม่ หากกัมพูชานำอาวุธหนักมาติดตั้งอีกครั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงว่า ขอให้เชื่อมั่น