{channel_category} {/channel_category} ข่าวรายงานพิเศษ : ศิลปะแห่งความจงรักภักดี
{/channel_category}

รายงานพิเศษ : ศิลปะแห่งความจงรักภักดี

View icon 51
วันที่ 23 ต.ค. 2560 | 16.30 น.
News
แชร์
รูปปั้นพระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงถึง 9 เท่า ความสูง 3 เมตร ถูกสร้างขึ้นทันทีหลังจากที่คนไทยสูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่ง เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และแสดงออกถึงความจงรักภักดี 

นายเข็มรัตน์ กองสุข ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2555 สาขาทัศนศิลป์ พร้อมลูกศิษย์ ถือฤกษ์วันที่ 29 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันแรกที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ภายในพระบรมมหาราชวัง เป็นการเริ่มขึ้นโครงเหล็กเพิ่มความมั่นคง จากนั้นได้ขึ้นรูปพระพักตร์ด้วยดินเหนียวน้ำหนักกว่า 2 ตัน ภายในห้องปฏิบัติงาน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตวังท่าพระ จังหวัดนครปฐม ด้วยความพิถีพิถันและตั้งใจ ใช้เวลาเพียง 9 วัน แต่ละวันใช้เวลา 9-10 ชั่วโมงในการทำงานด้วยหัวใจ และร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวของทุกคน

แม้เวลาจะผ่านไปจนครบ 1 ปี แต่ทุกวันนี้ อาจารย์เข็มรัตน์ยังมุ่งมั่นตั้งใจแสดงออกถึงความจงรักภักดีผ่านสิ่งที่ตนเองถนัด โดยใช้เวลาที่อยู่บ้านในจังหวัดราชบุรี ปั้นรูปพระพักตร์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ขนาดต่างๆ เก็บไว้บูชาเป็นจำนวนมาก จนทุกวันนี้สามารถจดจำรายละเอียดพระพักตร์ของพระองค์ได้เป็นอย่างดี

อีกหนึ่งผลงานที่ปรากฏสู่ที่สายตาชาวไทยในช่วงเวลานั้น คือรูปปั้นดินเหนียวที่มีชื่อว่า "พระภูมิพล" โดย นายพงษ์พันธ์ จันทนมัฏฐะ อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรม หาวิทยาลัยศิลปากร ที่ได้ร่วมกับนักศึกษา ปั้นพระพักตร์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยดินเหนียว ขนาด 2.5 เท่าของพระองค์จริง เพื่อเป็นต้นแบบในการนำไปแกะสลักด้วยหินอ่อน

ปัจจุบันอาจารย์พงษ์พันธ์ ยังเดินหน้าแกะสลักพระพักตร์ในหลวง ด้วยหินอ่อน ความสูง 89 เซนติเมตร ตามพระชนมพรรษาของพระองค์ โดยใช้เวลาหลังเลิกงานลงมือแกะสลักด้วยความประณีต ที่เลือกหินอ่อนมาแกะสลัก เพราะมีความคงทนต่อสภาพอากาศ อยู่ได้นับพันปี เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงทำให้กับชาติไทย

การแกะสลักพระพักตร์ด้วยหินอ่อน ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูง เพราะเสี่ยงที่จะแตกร้าวได้ อีกทั้งยังมีน้ำหนักมากถึง 2 ตัน หากเคลื่อนที่ไม่ถูกต้อง อาจเกิดการแตกหัก เสียหาย จึงต้องใช้ความเพียรพยายามในการทำงานสูง โดยน้อมนำสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำให้คนไทยเห็นมาตลอดระยะเวลา 70 ปีทรงครองราชย์ ซึ่งทรงใช้ความเพียรพยายามในการปฏิบัติพระราชกรณีกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จึงนำมาเป็นแรงผลักดันให้กับตนเองในการทำงานครั้งนี้

จิตวิญญาณของศิลปินทุกท่านที่ต่างทุ่มเทหัวใจแห่งความจงรักภักดีที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ร่วมกันรังสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่า เป็นอีกหนึ่งในหลายชิ้นงานที่ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้สืบสานพระราชปณิธาน และรำลึกถึงกษัตริย์ไทยผู้ยิ่งใหญ่พระองค์นี้