แม่เศร้า ร้องสายไหมต้องรอด หมอให้ยาเร่งคลอด จนลูกมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ต้องผ่าคลอดฉุกเฉิน สุดท้ายคลอดออกมา 2 วันเสียชีวิต
วันนี้ (23 ต.ค.66) น.ส.พิศอาภรณ์ อายุ 29 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนกับศูนย์ประสานงานสายไหมต้องรอด หลังแพทย์โรงพยาบาลรัฐ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรียกค่าผ่าคลอดลูก 7 พันบาท แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงให้ใช้ยาเหน็บเร่งคลอดถึง 3 ครั้ง จนกระทั่งทารกเสียชีวิตหลังคลอดออกมาได้เพียง 2 วัน โดยศพทารกถูกเก็บใส่โลงเย็นตั้งไว้ที่บ้านเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว ยังไม่เผาศพลูก รอจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม
น.ส.พิศอาภรณ์ เล่าทั้งน้ำตาว่า เธอตั้งครรภ์ลูกคนแรก ตอนอายุครรภ์ 2 เดือน ก็ไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม ตอนตรวจสุขภาพเริ่มแรกแพทย์ที่รับฝากครรภ์ แจ้งว่าตนมีโรคเบาหวาน และเลือดจาง หลังจากนั้นก็ไปพบแพทย์ตามนัดตามปกติ กระทั่งใกล้คลอด ตนเริ่มมีอาการเวียนหัว ปวดหัว และอาเจียน ประกอบกับมีโรคประจำตัว คือ โลหิตจาง เบาหวาน และความดันสูง จึงกังวลกลัวตัวเองและลูกจะเป็นอันตราย เมื่อไปปรึกษาแพทย์เรื่องการผ่าคลอด แพทย์ระบุว่าทำได้ แต่ต้องฝากพิเศษ มีค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 7 พันบาท แต่ตนไม่มีเงิน จึงไม่ได้ฝากพิเศษตามที่แพทย์แนะนำ โดยแพทย์ได้ให้ยาเร่งคลอด 3 ครั้ง ครบ 40 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 20 - 22 ก.ย.66 ซึ่งครั้งแรกกับครั้งที่ 2 ลูกในครรภ์ยังปกติดี แต่พอครั้งที่ 3 ลูกมีอัตราการเต้นของหัวใจตกลงเรื่อยๆ แพทย์เข้ามาตรวจบอกว่ารกพันคอ ต้องรีบเอาตัวเข้าห้องผ่าตัด และผ่าคลอดฉุกเฉิน
ปรากฎว่าเมื่อลูกคลอดออกมา ก็มีอาการขาดออกซิเจน มีภาวะหยุดหายใจ ปอดแตกจากการสำลักขี้เถ้า ต้องรีบส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มองว่าเกิดจากการรักษาที่ผิดพลาด โดยเฉพาะการที่แพทย์ให้เหน็บยาเร่งคลอดครั้งที่ 3 แล้วไม่ยอมผ่าคลอดให้ รอลูกมีอาการผิดปกติต้องผ่าคลอดฉุกเฉิน ยืนยันว่า จะไม่เผาลูกสาว และจะเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกสาวคนแรกให้ได้
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า จะประสานศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หากคุณแม่ต้องการหาสาเหตุการเสียชีวิตของลูกก็จะประสาน สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อผ่าพิสูจน์อีกครั้ง และประสาน สปสช. เพื่อช่วยเหลือเงินเยียวยาต่อไป
