ตามจับบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อเอี่ยวยาเสพติด โอนเงินนับแสน

ตามจับบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อเอี่ยวยาเสพติด โอนเงินนับแสน

View icon 186
วันที่ 6 พ.ย. 2566 | 11.32 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สืบนครบาล ตามรวบบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกผู้เสียหาย อ้างเกี่ยวข้องขบวนการค้ายาเสพติด ให้โอนเงินตรวจสอบ เสียหายหลายแสน

บัญชีม้า วานนี้(5 พ.ย.2566) ชุดสืบสวนตำรวจนครบาล รายงานว่า เจ้าหน้าที่สืบนครบาล ร่วมกันจับกุมตัว นางสมพิศ หรือเอ๋ อายุ 45 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 25 ก.พ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" โดยจับกุมได้ที่บริเวณหอพักไม่ทราบเลขที่ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40/1 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

จากการตรวจสอบพบหมายจับเพิ่มอีก 3 หมาย ได้แก่
1. ศาลจังหวัดอ่างทอง ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
2. ศาลาอาญา ลงวันที่ 9 กันยายน 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
3. ศาลจังหวัดปัตตานี ลงวันที่ 9 กันยายน 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนด้วยการแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

สืบเนื่องจากช่วงก่อนวันเวลาเกิดเหตุ ได้มีโทรศัพท์เป็นผู้หญิงโทรเข้ามาที่ผู้เสียหาย แต่จำไม่ได้ว่าหมายเลขใด บุคคลดังกล่าวได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ของบุคคลดังกล่าว ได้ปรากฏไลน์ "สภ.ชลบุรี" ขึ้นมา ในไลน์ดังกล่าวมีรูปตราโล่ตำรวจปรากฏอยู่ด้วย จึงเชื่อว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจริง ได้โทรศัพท์ทางไลน์เป็นหญิงคนเดียวกับเสียงในโทรศัพท์แจ้งมาว่าผู้เสียหายเป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรายใหญ่ ให้โอนเงินไปที่บัญชีธนาคารกรุงเทพ  ที่มีชื่อ น.ส.สมพิศ เป็นเจ้าของบัญชีเพื่อทำการตรวจสอบว่าหลังจากที่ผู้เสียหายโอนไปหมดบัญชีแล้ว ยังมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีอีกหรือไม่ ถ้ามีเงินโอนเข้ามาถือว่าเป็นเงินยาเสพติด ถ้าหากทางเจ้าพนักงานตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหายาเสพติดรายใหญ่ได้จะโอนเงินคืนให้กับผู้เสียหาย และหลงเชื่อ จึงได้ทำการโอนเงินครั้งแรก จากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ที่มีชื่อ น.ส.สมพิศ เป็นเจ้าของบัญชี เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2564 จำนวน 100,000 บาท ที่หน้าธนาคารดังกล่าว และไปโอนจากบัญชีธนาคารทหารไทยของผู้เสียหายไปที่บัญชีธนาคารกรุงเทพ ที่มีชื่อ น.ส.สมพิศ เป็นเจ้าของบัญชี เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2564  จำนวน 60,000 บาท ที่ภายในธนาคารทหารไทย เมื่อผู้เสียหายได้ปรึกษาเจ้านายจึงได้รู้ว่าถูกมิจฉาชีพดังกล่าวหลอกให้โอนเงิน ได้รับความเสียหายจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่ามีแท็กซี่มาติดต่อว่าจ้างให้ไปเปิดบัญชีธนาคารให้ โดยได้เปิดบัญชีให้แท็กซี่อย่างเดียว ได้ค่าจ้างบัญชีละ 400-500 บาท หลังจากนั้นได้ให้สมุดบัญชี กับ บัตรเอทีเอ็ม ดังกล่าวไป หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว น.ส.สมพิศ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป