ตร.อุดรฯ เร่งล่าคนร้ายสาดน้ำกรดผู้ช่วยพยาบาล

ตร.อุดรฯ เร่งล่าคนร้ายสาดน้ำกรดผู้ช่วยพยาบาล

View icon 134
วันที่ 9 ก.พ. 2567 | 17.25 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตร.อุดรฯ เร่งล่าคนร้ายสาดน้ำกรดผู้ช่วยพยาบาล สามีทหาร เผย ภรรยาอาการดีขึ้น ชาวบ้านยังผวา วอน ตร.จับให้ได้ 

จากกรณี น.ส.วิภาวดี หรือแป๋ว อายุ 43 ปี ชาว บ.ดงยาง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี  ผู้ช่วยพยาบาลห้องกายภาพบำบัด รพ.พิบูลย์รักษ์ ถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบสาดน้ำกรด ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน หลังออกเวรเวลา 20.00 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ทำให้รถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง ได้รับบาดเจ็บจากน้ำกรดตามร่างกาย 30 เปอร์เซ็นต์  เช่น ใบหน้า แขนขา และดวงตา 2 ข้าง ให้การได้และนอนรักษาอาการที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี

ขณะที่ตำรวจสืบสวน สภ.พิบูลย์รักษ์ ออกสืบสวนล่าตัวคนร้าย หลังจากสอบปากคำผู้บาดเจ็บ สามี และพลเมืองดีไปแล้ว โดยตำรวจมุ่งประเด็นประสงค์ต่อทรัพย์ เนื่องจากผู้บาดเจ็บไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร และเพิ่งคลอดลูกสาวได้ 3 เดือน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ พ.ต.อ.ชัยศักดิ์ บูรณะบัญญัติ ผกก.สภ.พิบูลย์รักษ์ เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี โดยกำลังประชุมทีมตำรวจชุดสืบสวน ในการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างอุกอาจ พร้อมกับประสานตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ลงพื้นที่ช่วยไล่ล่าตัวคนร้าย แต่พบอุปสรรคคือกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายสะกดรอยตามผู้บาดเจ็บชำรุด และอยู่ไกลถนน ไม่สามารถระบุยานพาหนะคนร้ายได้อย่างชัดเจน

ขณะที่ ร.ต.อ.พงษ์พิพัฒน์ ลิขิตโยธิน รอง สว.สอบสวน สภ.พิบูลย์รักษ์ เจ้าของคดีความ ได้เชิญตัว จ.ส.อ.พัทธกร พันสาย อายุ 43 ปี สามีผู้บาดเจ็บ มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังเดินทางไปสอบปากคำผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และสอบปากคำพยาน ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่มีบ้านอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ และเข้ามาช่วยเหลือได้ทัน และทั้งผู้บาดเจ็บ สามีผู้บาดเจ็บ และพลเมืองดี ให้การตรงกันว่า คนร้ายน่าจะประสงค์ต่อทรัพย์สินผู้บาดเจ็บอย่างแน่นอน

จ.ส.อ.พัทธกร พันสาย สามีผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ล่าสุดอาการของภรรยาดีขึ้นตามลำดับ หมอบอกว่าม่านดวงตาทั้ง 2 ข้าง เปิดและขยาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ตาคงไม่บอดแล้ว แต่จะมอเห็นได้ชัดปกติหรือไม่นั้น  คงต้องใช้เวลารักษาอาการสักระยะ ส่วนที่เห็นภรรยาในคลิปภาพล่าสุด ที่ศีรษะและใบหน้าของภรรยาถูกพันผ้าเอาไว้นั้น เป็นการป้องกันการติดเชื้อที่ดวงตา และที่แผลไหม้ผุพองตามร่างกายประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุนั้น ตนยังยืนยันว่า คนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สินของภรรยา แต่ก็ไม่น่าเอาน้ำกรดมาสาดใส่ มันเกินไปไหม เห็นแต่ในข่าวสาดน้ำกรดใส่กันได้รับบาดเจ็บเสียโฉม ส่วนมากจะเป็นเรื่องชู้สาว

แต่ภรรยาตนไม่ใช่เป็นคนอย่างนั้น เพราะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ทั้งในที่ทำงาน และข้างนอก เนื่องจากภรรยาตนไม่กิน ไม่เที่ยว ไม่เล่นพนัน และไม่ดื่ม อยากให้ตำรวติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะกลัวจะไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก และหากตำรวจจับตัวคนร้ายได้ ตนก็อยากถามว่าทำไมถึงทำกับภรรยาตนได้ถึงเพียงนี้ บอกตรงๆเลยว่า ตนโกรธคนร้ายมาก แต่เป็นชายชาติทหาร ต้องเข้มแข็ง และต้องเก็บความรู้สึก ปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการของกฎหมายบ้านเมือง” 

ขณะที่ นางสมร ไชยแก้ว อายุ 44 ปี แม่ค้าขายดอกไม้และพวงมาลัย ตลาดสดตำบลบ้านแดง เล่าว่า  ตั้งแต่ก่อตั้ง อ.พิบูลย์รักษ์ มา 32 ปี ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย รู้สึกหวาดระแวงและผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก เวลาขี่รถจักรยานยนต์ไปไหนมาไหนในตัวอำเภอ หากตำรวจยังจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุไม่ได้ อยากให้ตำรวจตามจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ด้าน พ.ต.อ.ชัยศักดิ์ บูรณะบัญญัติ ผกก.สภ.พิบูลย์รักษ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ประชุมชุดสืบสวน ในการไล่ล่าหาตัวคนร้าย แต่พบอุปสรรคเรื่องกล้องวงจรปิดมีน้อยมาก ที่มีก็อยู่ระยะไกล และมืด จะเห็นก็แต่แสงไฟหน้ารถผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บขี่ตามกัน ก่อนที่คนร้ายจะลงมือก่อเหตุบริเวณที่เปลี่ยว ที่ไม่มีแสงไฟ ขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้ว 3 ปาก ทางเราจึงมั่นใจว่าคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สินของผู้เสียหาย และขณะนี้ได้ประสานตำรวจสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ลงพื้นที่ช่วยสืบสวนสอบสวน และหาเบาะแสคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะชาวบ้านยังวหาดผวากับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น