ยาบ้า 5 เม็ด หมอชลน่านจวกอินฟลูเอนเซอร์เข้าใจคลาดเคลื่อน ทำคลิปมียาเสพติดไม่ผิดกฎหมาย จนคนในสังคมเข้าใจผิด ยืนยันยาเสพติดกี่เม็ดก็ผิดกฎหมาย กำหนดปริมาณเพื่อให้ผู้เสพสามารถเข้ารับการบำบัดเป็นบทลงโทษ
ดรามายาบ้า 5 เม็ด วันนี้ (12 ก.พ.67) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม (ป.ป.ส.) ตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงหลังเกิดความเข้าใจผิดในสังคมว่า ครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ไม่ผิดกฏหมาย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตามที่มีความเข้าใจและตีความคลาดเคลื่อน ในประเด็นกฎกระทรวง กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 ซึ่งกำหนดให้ผู้ครอบครองยาเสพติด 5 เม็ด ถือเป็นผู้เสพ ครอบครองปริมาณมากกว่านั้นจึงนับว่าเป็นผู้ค้า โดยกฏกระทรวงฉบับนี้ เน้นการบำบัดรักษาโดยความสมัครใจ หากมีความผิดสมัครใจเข้ารับการบำบัด ก็จะเข้าสู่กระบวนการบำบัดจนครบตามหลักเกณฑ์ หากผู้มีความผิดไม่สมัครใจบำบัดเท่ากับว่าต้องมีการพิจารณาความผิดต่อไป
นพ.ชลน่าน กล่าวประณามอินฟลูเอนเซอร์ที่เข้าใจกฎกระทรวงคลาดเคลื่อน ทำคลิป ‘เสพยา ไม่ผิดกฎหมาย’ จนคนในสังคมเข้าใจผิด แต่มีบางคนที่ลบคลิปและลงคลิปแก้ไขแล้ว ยาเสพติดเป็นปัญหาของชาติ เป็นวาระแห่งชาติ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกัน ยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็มีความผิดทั้งหมด ในกรณีผู้เสพ ถ้าพิสูจน์มีความผิดฐาน จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท, ผู้ครอบครอง มีความผิดจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท และสุดท้าย ผู้ค้า จำคุก 1 - 10 ปี ปรับ 20,000 บาท - 1 ล้านบาท แต่ผู้เสพสามารถเข้ารับกระบวนการบำบัดเพื่อเป็นบทลงโทษ หากปฏิเสธการบำบัดจะต้องรับโทษตามกฏหมาย
"ทุกขั้นตอนในการกฎกระทรวงออกมาเพื่อรองรับประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และผ่านคณะกรรมการทุกชุดที่เกี่ยวข้อง และรับฟังความเห็น ก่อนเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ ยืนยันไม่ได้คิดเอง จึงขอฝากอินฟูลเอนเซอร์ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณอายุราชการแล้วออกมาให้ข้อมูลผ่านโซลเชียลมีเดียสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม และกรณีที่บอกว่า ไม่โทษรัฐมนตรี แต่ก็เหมือนโทษ เพราะฉะนั้นขอให้กลับไปอ่านกฎหมายให้ดี อย่าหวังเป็นดาวในโซลเชียล"
หมอชลน่าน ย้ำว่ากฎกระทรวงนี้ เน้นการรักษาเป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษ ผู้กระทำผิดย่อมมีความผิดแต่ต้องได้รับโอกาส ซึ่งกฏหมายฉบับนี้ต้องการผลักดันให้ผู้เสพเข้ารับการบำบัดมากกว่าผลักดันเข้าสู่เรือนจำ โดยยืนยันว่า ผู้ที่เข้ารับการบำบัดทุกคนต้องผ่านขั้นตอนการรักษา ตรวจสอบ และได้รับการยืนยันอย่างมีมาตรฐานว่าเป็นปกติ จึงจะสามารถเข้าสู่สังคมได้
