คนร้ายแทงหญิงวัย 31 ปีเสียชีวิต ก่อนก่อเหตุโทรหาทีมงานสายไหมต้องรอด คาดผู้ก่อเหตุ คือ อดีตสามีที่ระหองระแหงกัน

คนร้ายแทงหญิงวัย 31 ปีเสียชีวิต ก่อนก่อเหตุโทรหาทีมงานสายไหมต้องรอด คาดผู้ก่อเหตุ คือ อดีตสามีที่ระหองระแหงกัน

View icon 251
วันที่ 18 เม.ย. 2567 | 07.48 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
คนร้ายแทงหญิงวัย 31 ปีเสียชีวิต ก่อนก่อเหตุโทรหาทีมงานสายไหมต้องรอด ถาม “มีอะไรจะให้มันสั่งเสียไหม เดี๋ยวมันจะตายแล้ว” คาดผู้ก่อเหตุ คือ อดีตสามีที่ระหองระแหงกัน เกิดหึงหวงที่มีชายอื่นมาพัวพัน

เมื่อเวลา 23.50น.วันที่ 17  เมษายน2567 ร.ต.อ.สิงหา สิงหาชาลี ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง แจ้งมีเหตุแทงกันมีผู้เสียชีวิต ที่เกิดเหตุถนนเลียบคลองแอนหนึ่งสอง ม.15 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง สว.สส.สภ.คลองหลวง กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน หน่วยกู้ชีพเทศบาลเมืองท่าโขลง อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แพทย์รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางเปลี่ยวข้างทาง ด้านหนึ่งเป็นคูระบายน้ำอีกด้านหนึ่งเป็นป้าหญ้ารกทึบ ภายในป่าหญ้ารกทึบพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อต่อมา น.ส.แอน อายุ 31 ปี  ชาว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพนักงานคลังสินค้าแห่งหนึ่ง มีบาดถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณหัวเข่าซ้าย 1 แผล ชายโครงซ้าย 1 แผล ใต้ราวนมขวา 1 แผล กลางหลัง 2 แผลเป็นเหตุให้เสียชีวิต ใกล้กันพบรองเท้าผู้ตายตกอยู่ ห่างกันเล็กน้อยพบอาวุธมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ตกอยู่ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบ ขณะที่บนพื้นถนนยังพบรอยเลือดหยอดเป็นทางยาว จนถึงตลิ่งริมคลองส่งน้ำ เบื้องต้นไม่พบตัวผู้ก่อเหตุพบเพียงนายธนัท วชิรญาณ์พุฒิพร อายุ 32 ปี 1 ในทีมงานเพจสายไหมต้องรอด ที่มีความสนิทสนมกับผู้ตาย ยังอยู่ในอาการตื่นตกใจยืนอยู่ข้างรถยนต์กระบะของตนเอง

นายธนัท วชิรญาณ์พุฒิพร ให้การว่า ตนเองรู้จักกับผู้ตายได้ระยะหนึ่งแล้ว กระทั่งวันที่ 11 เมษายน 2567 ผู้ตายได้ขอความช่วยเหลือจากตนเอง เพราะกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย ที่ถูกสามีทำร้ายร่างกาย ตนเองจึงมารับไปอยู่ที่บ้าน เพื่อให้ผู้ตายดูแลแมว เพราะตนเองต้องเดินทางไปจ.ราชบุรี กระทั่งคืนวันที่ 16 เมษายน 2567 ตนเองเดินทางกลับมาที่บ้านช่วงค่ำ เวลาประมาณ 20.00 น.วันที่ 17 เมษายน 2567 ตนเองจึงนำผู้ตายจากบ้านของตนเอง มาส่งผู้ตายที่บ้านเพื่อนของคนตาย ที่ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

กระทั่งเวลา 22.22 น.วันเดียวกัน สามีของผู้ตาย ตนเองทราบเพียงชื่อบังตี๊บ ได้โทรมาหาตนเองปลายสายบอกว่า “มีอะไรจะให้มันสั่งเสียมั้ย เดี๋ยวมันจะตายแล้ว” ตนเองจึงบอกไปว่า อย่าไปทำอะไรน้องเลย  ถ้าจะทำอะไรมาทำกับกูดีกว่า ผู้ชายเหมือนกัน และผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของลูกมึงอีก 3 คน จากนั้นตนเองจึงโทรไปแจ้งตำรวจที่ สภ.วังน้อย เพื่อให้ช่วยตรวจสอบในละแวกใกล้เคียง ซอยแมนฮัตตั้น เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย แต่ สภ.วังน้อยแจ้งว่า อยู่นอกเขตความรับผิดชอบ

จากนั้นตนเองจึงขับรถออกจากบ้านพักย่านคลองสาม เพื่อมาดู กลัวผู้ตายจะไม่ปลอดภัย ก่อนที่จะมีสายโทรเข้ามาอีกครั้งบอกว่า พี่ช่วยหนูด้วยหนูอยู่แมนฮัตตั้น ตนเองก็คิดว่า หากจะเกิดเหตุร้ายระหว่างบ้านเพื่อนคนตายกับซอยแมนฮัตตั้น จุดทางเปลี่ยวบริเวณที่เกิดเหตุน่าจะเป็นจุดที่คนตายเสี่ยงอันตรายที่สุด ตนเองจึงขับรถตรงมาบริเวณจุดเกิดเหตุก่อนขับมาจอดริมทาง บริเวณจุดเกิดเหตุ เพราะเห็นรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟสีแดงดำ จอดอยู่และผู้ตายเคยบอกไว้ว่า สามีใช้ รถจยย.ยี่ห้อ และสีตรงกับรถที่ตนเองเจอ ดังนั้นจึงใช้ไฟฉายที่ติดมาในรถยนต์ ฉายไปดูส่ายไปมา พบชาย 1 คน วิ่งขึ้นมาจากริมคลองส่งน้ำ ตนเองบอกหยุดๆ ก่อนจะขึ้นคร่อมขี่รถจยย.คันดังกล่าว ออกไปทันที
ตนเองจำได้ว่า ชายดังกล่าว คือ สามีผู้ตาย ชื่อบังตี๊บ  ก่อนที่ตนเองจะขับรถไปวนรถกลับ และบอกให้ชาวบ้านช่วยเข้ามาตรวจสอบร่วมกัน เพื่อเป็นพยานเพื่อความบริสุทธิ์ใจก่อนที่จะมีพลเมืองดี 2 คน ขับรถผ่านมาตนเองจึงจอดเรียกให้มาอยู่เป็นเพื่อน จากนั้นตนเองก็รีบโทรแจ้ง1669 

ทั้งนี้ จากที่ตนเองทราบมาทั้ง 2 คน แต่งงานกันมา 18 ปี มีบุตรด้วยกัน 3 คน ทำงานด้วยกัน และประมาณสัปดาห์ก่อน ทะเลาะกัน เพราะฝ่ายชายไปมีหญิงอื่น ถึงขั้นฝ่ายชายใช้รองเท้าเซฟตี้ตีศีรษะผู้ตาย จนมีแผลแตกต้องเย็บแผล และยังไม่ได้ตัดไหม จนมีการพูดคุยถึงเรื่องการจดทะเบียนหย่าร้าง แต่ไม่ได้ไปจดทะเบียนอย่ากัน กระทั่งเกิดเหตุสลดเกิดขึ้น เพราะคาดว่าเกิดจากความหึงหวงที่ผู้ตายมีชายอื่นมาเกี่ยวพัน

ด้าน ร.ต.อ.สิงหา สิงหาชาลี ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง เผยว่า ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุบันทึกภาพเป็นหลักฐานสอบปากคำพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ ประสานชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อน และหลังเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ส่วนร่างผู้เสียชีวิตได้ให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำร่างผู้เสียชีวิตส่ง ร.พ.ธรรมสาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป