"แบม-ตะวัน” ผู้ต้องหาคดี ม.112 ประกาศอดอาหารและน้ำ ขณะถูกควบคุมในเรือนจำ ความดัน-ชีพจรยังปกติ ราชทัณฑ์แจงผู้ต้องหาปฏิเสธการให้น้ำเกลือ หมอประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลแนะนำผลเสียต่อร่างกาย หากยังจะงดน้ำงดอาหารต่อไป
วันนี้ (20 ม.ค.66) นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรณีที่ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงศ์ หรือแบม ผู้ต้องหาคดี ม. 112 ซึ่งในขณะนี้อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมราชทัณฑ์ ได้โพสต์ข้อความ แถลงการณ์ยกระดับประกาศ "อดน้ำและอาหาร"
ทัณฑสถานหญิงกลาง ได้รับตัว น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ มาคุมขังตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.66 และทั้ง 2 คน ได้ประกาศให้สังคมภายนอกทราบว่า จะอดอาหารและน้ำ เพื่อ 3 ข้อเรียกร้อง โดยทั้ง 2 คน เริ่มอดอาหารและน้ำ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 18 ม.ค.66 โดย น.ส.ทานตะวัน เริ่มอดอาหารตั้งแต่เวลา 17.00 น. และ น.ส.อรวรรณ เริ่มอดอาหารตั้งแต่เวลา 19.00 น. ส่งผลห้ น.ส.ทานตะวัน มีอาการอ่อนเพลีย ส่วน น.ส.อรวรรณ มีอาการปวดท้อง
ในวันนี้ พยาบาลของทัณฑสถานหญิงกลาง เห็นว่าควรส่งตัวทั้ง 2 คน ไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อดูแลรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิดต่อไป จากนั้นทีมแพทย์ได้รับไว้เป็นผู้ป่วยใน ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่า น.ส.ทานตะวัน มีอาการทั่วไปอ่อนเพลีย ถามตอบได้ปกติ ความดันโลหิต ชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติ และมีความเห็นว่าต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือด แต่ น.ส.ทานตะวันปฏิเสธการให้สารน้ำทางหลอดเลือดและยา จนกว่าจะได้พบทนายความในช่วงเวลา 15.00 น. ส่วน น.ส.อรวรรณ มีอาการปวดท้อง ความดันโลหิต ชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติ และทั้งคู่ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ เมื่อผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้พบทนายความเรียบร้อยแล้ว ยังคงปฏิเสธการให้ยา สารน้ำทางหลอดเลือด พร้อมจะอดอาหารและน้ำต่อไป
นายสิทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทีมแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีความเห็นว่าควรให้สารน้ำและอาหารทางหลอดเลือด เพื่อมิให้เกิดผลกระทบกับร่างกายของทั้งคู่ โดยได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการควบคุมผู้ต้องขังที่อดอาหาร (SOPs) รวมถึงแนะนำข้อมูลต่างๆ ให้ทั้ง 2 คน เข้าใจถึงผลเสียต่อร่างกายในด้านต่างๆ หากยังจะงดน้ำงดอาหารต่อไป ซึ่งทีมแพทย์ได้ดูแลและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยมีแนวทางการรักษา ด้วยการเจาะเลือดส่งตรวจห้องปฏิบัติการผลตรวจเกลือแร่ เพื่อดูการทำงานของตับ ไต รวมถึง x-ray ปอดด้วย ซึ่งทั้ง 2 คน ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยทางทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จะดำเนินการให้การรักษาตามมาตรฐานต่อไป
